How to ให้ธุรกิจอยู่รอดในยุคดิจิทัล

 

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว การที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัลได้ เริ่มต้นจากการปรับตัวให้ได้อย่างรวดเร็วและวางแผนธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น หากคุณปรับตัวได้เร็วมากเท่าไหร่คุณก็สามารถวิ่งแซงคู่แข่งของคุณได้มากเท่านั้น ในปัจจุบันเกือบทุกด้านของการดำเนินธุรกิจถูกแทรกด้วยเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตหรือ Digital Transformation สังเกตได้จากธุรกิจในปัจจุบันมีการใช้ Bot AI เข้ามามีบทบาทในธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น การนำหุ่นยนต์มาแทนที่การเสิร์ฟอาหาร หรือการนำแชทบอท AI อย่าง ChatGPT เข้ามามีส่วนช่วยในงานหรือธุรกิจ หากคุณไม่มีการปรับตัวของธุรกิจเพื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัลก็อาจทำให้ธุรกิจไปไม่รอดได้เช่นเดียวกัน ในอดีตจนถึงตอนนี้หลายธุรกิจได้มีการปิดตัวลงไปเนื่องจากปรับตัวไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคนี้เป็นยุคทองแห่งโลกดิจิทัลและคาดว่าคงจะเป็นยุคทองในอีกหลายสิบปีข้างหน้า Easetrack จะพาทุกคนไหปทำความรู้จัก How to ให้ธุรกิจอยู่รอดในยุคดิจิทัล

 

Digital Transformation คืออะไร

Digital Transformation คือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ เพื่อสร้างหรือพัฒนากระบวนการต่าง ๆ ในธุรกิจให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับการแข่งขันที่มากขึ้นในยุคดิจิทัล พร้อมทั้งเพื่อการรับมือความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และรูปแบบการทำงานของพนักงานรุ่นใหม่ เช่น การทำการตลาดออนไลน์ หรือการเปลี่ยนฐานข้อมูลในบริษัทให้เป็นแบบดิจิทัล

 

 

 

Digital Transformation มีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร ?

การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลทำให้ต้องมีการนำ Digital Transformation มาปรับใช้ในธุรกิจ ซึ่งมีความสำคัญต่อธุรกิจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิต ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หันมาซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ลูกค้าต้องการความรวดเร็วและดี – ในยุคนี้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสามารถเข้าถึงคู่แข่งได้ หมายความว่าลูกค้ามีแรงจูงใจที่จะรอน้อยลง แปลว่าหากองค์กรไม่สามารถทำตามที่ลูกค้าต้องการได้ ทั้งในเรื่องความเร็วและคุณภาพ องค์กรก็จะเสียโอกาสทางธุรกิจไปได้ หนึ่งในวิธีที่จะทำให้ความเร็วในการทำงานดีขึ้น คือการทำ digital transformation

เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับพนักงาน – หากองค์กรต้องการที่จะทำให้พนักงานทำงานเร็วขึ้น องค์กรก็จะต้องเลือกใช้เครื่องมือการทำงานที่ทันสมัยให้พนักงานใช้ หากข้อมูลทุกอย่างถูกจัดเก็บไว้เป็นระบบดิจิทัล กระบวนการทำงานในองค์กรก็จะมีความแม่นยำและความเร็วมากขึ้น

 

ตัวอย่างของการปรับตัวในยุคดิจิทัลในธุรกิจต่าง ๆ

– ธุรกิจค้าปลีก หันมาเปิดช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น และนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
– ธุรกิจการเงิน หันมาใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ในการทำธุรกรรมทางการเงิน
– ธุรกิจการผลิต หันมาใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (robotics) ในการผลิตสินค้า
– ธุรกิจบริการ หันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing) ในการบริการลูกค้า

 

 

จะเห็นได้ว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวัน ทั้งการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ การเรียกใช้บริการขนส่งพัสดุทางแอปพลิเคชั่นออนไลน์ แม้แต่การซื้อของออนไลน์โดยไม่ต้องไปถึงหน้าร้านค้า และยังมีบริการจัดส่งด่วนมาให้ถึงหน้าบ้านแบบ Delivery ดังนั้นเมื่อรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หากแบรนด์ยังดำเนินธุรกิจแบบเดิมก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งแซงหน้าไปหาลูกค้าก่อน ด้วยการปรับตัวเข้ากับ Digital Transformation ดังนั้นหากธุรกิจเริ่มเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยกำหนดกลยุทธ์ พัฒนาสินค้าและบริการได้เร็วเท่าไรก็จะยิ่งส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณนั่นเอง

 

สรุป

Digital Transformation ไม่ได้หมายถึงแค่ Digital Marketing แต่หมายถึงองค์รวมในการยกระดับธุรกิจจากโหมดธุรกิจธรรมดาสู่โหมดการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำไมวันนี้ต้องมีการ transformation หากมองไปข้างหน้าในอนาคต 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 5 ปี หรือ 10 ปี ธุรกิจเราจะอยู่ตรงจุดไหนของโลกใบนี้ จะเป็นธุรกิจที่ร่วงโรยไป หรือเป็นธุรกิจที่อยู่รอด หรือจะอยู่ในสถานะที่ร่ำรวย เพราะการทำธุรกิจจะไม่คิดแค่พออยู่ได้ แต่ต้องคิดว่าในระยะยาวธุรกิจเราจะยังมั่นคงอยู่ได้ไหมนั่นเอง

 

ที่มา : idmcouncil

 

 

Share to everyone