Neuralink : จาก AI สู่ BCI

Image Source : Reuters
Image Source : Reuters

 

Neuralink คืออะไร?

Neuralinkโครงการใหม่ของ อีลอน มัสก์ ที่หวังจะยกระดับวงการแพทย์เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับสมองและระบบประสาท โดยใช้การเชื่อมสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ไม่เคยหยุดพัฒนาเลยในโลกของเรา ก็คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ เพราะในโลกของเรามีโรคภัยและอาการเจ็บป่วยที่เป็นโรคใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ รวมไปถึงยังมีโรคร้ายแรงเดิม ๆ ที่ยังไม่มีทางรักษาอีกมาก วิทยาการทางการแพทย์จึงต้องดำเนินต่อไป ล่าสุดอีลอน มัสก์นักประดิษฐ์และนักธุรกิจเจ้าของผลงานด้านเทคโนโลยีมากมาย ได้ผุดโครงการใหม่ของเขา ที่ตั้งชื่อว่า Neuralinkอันเป็นแนวความคิดที่จะผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะใช้เชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับวงการแพทย์ในการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทและสมองต่าง ๆ ซึ่งหากโครงการนี้เกิดขึ้นจริง ก็จะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนชีวิตมนุษย์ได้เลยทีเดียว

ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมากสำหรับวงการ Brain-Computer Interface หรือ BCI ว่าด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อระหว่างคลื่นสมองและคอมพิวเตอร์ โดยล่าสุดทาง Elon Musk ได้ออกมาเผยว่ามนุษย์คนแรกที่ฝังชิป Neuralink ในสมอง ตอนนี้สามารถควบคุมเมาส์ (Cursor) ผ่านความคิดได้แล้ว และยังไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ เลยด้วย

“ความคืบหน้านั้นเป็นไปด้วยดี และอย่างที่ทราบในตอนนี้ ดูเหมือนผู้ป่วยจะฟื้นตัวเต็มที่ โดยไม่มีผลร้ายใด ๆ ทั้งยังสามารถควบคุมเมาส์คอมฯ ผ่านความคิดได้ด้วย” Elon Musk กล่าวผ่าน Spaces ในแพลตฟอร์ม X

ย้อนไปก่อนหน้านี้ Neuralink ได้ปล่อยคลิป The PRIME Study ที่เผยให้เห็นการทำงานของตัวชิปที่ฝั่งในสมอง โดยนอกจากจะช่วยรักษาอาการโรคอัมพาต (SCI) หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ได้แล้ว ยังทำให้ผู้ที่ฝังชิป สามารถควบคุมแป้นพิมพ์แบบสัมผัสและเมาส์คอมฯ ผ่านความคิดได้โดยตรง

 

BCI คืออะไร?

เทคโนโลยีส่วนต่อประสานสมองกับคอมพิวเตอร์ (Brain-Computer Interface) หรือ BCI จะทำให้มนุษย์สามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางการคิดเท่านั้น และเป็นการปูทางไปสู่การเกิดขึ้นของเครือข่ายสมอง (Brain Net) คล้ายกับการเข้าไปสู่โลก Matrix ในภาพยนตร์เรื่องดัง

อีลอน มัสก์ นักธุรกิจและนวัตกรชื่อดัง เพิ่งได้ประกาศว่าบริษัท Neuralink ของเขาประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในการปลูกถ่ายชิปขนาดเหรียญซึ่งเป็น “ส่วนต่อประสานสมองกับคอมพิวเตอร์” (BCI) ในสมองมนุษย์จริงๆ เป็นครั้งแรก โดยเน้นย้ำว่ามนุษย์คนแรกที่ได้รับการปลูกถ่าย Neuralink กำลังฟื้นตัวได้ดี

อุปกรณ์นี้เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมพลิกโลก ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในกการสื่อสารโดยตรงระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์

“หากสามารถพัฒนา BCI จนประสบความสำเร็จ จะทำให้มนุษย์สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ผ่าน “ความคิด” โดยตรง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อมนุษย์ทุกคน รวมถึงผู้ที่พิการทางการเคลื่อนไหว”

นอกจากนี้ยังอาจช่วยรักษาความผิดปกติของสมอง และช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่หลังอย่างรุนแรง ตลอดจนอาจช่วยฟื้นฟูการมองเห็นให้กับคนตาบอด

อุปกรณ์ของ Neuralink นี้จะมีชื่อว่า “Telepathy”  คำนี้โดยทั่วไปหมายถึงการสื่อสารผ่านจิตหรือโทรจิต ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ได้อนุมัติการทดสอบอุปกรณ์ Neuralink ในมนุษย์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา

แนวคิดของอินเทอร์เฟซระหว่างสมองและคอมพิวเตอร์ (BCI) เช่นเดียวกับที่บริษัท Neuralink กำลังพัฒนา จริงๆ แล้วถือเป็นเนื้อหาหลักในวงการนิยายวิทยาศาสตร์มานานหลายทศวรรษ

 

ความพยายามของ Neuralink เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทางวิทยาศาสตร์ในวงกว้าง โดยปัจจุบัน มีการทดลองอินเทอร์เฟซคอมพิวเตอร์สมองมากกว่า 40 รายที่กำลังดำเนินการอยู่ทั่วโลก

แม้จะมีความก้าวหน้าทางนวัตกรรม แต่ Neuralink ก็ต้องเผชิญกับคำวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงค่าปรับจากกระทรวงคมนาคมของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากละเมิดกฎการขนส่งสารอันตราย และความกังวลเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติในการทดสอบกับสัตว์ ซึ่งพนักงานบางคนมองว่าเร่งรีบและนำไปสู่การเสียชีวิตโดยไม่จำเป็น

การแข่งขันทางเทคโนโลยีเพื่อรวมชิปคอมพิวเตอร์เข้ากับสมองของมนุษย์ทวีความสำคัญสูงขึ้น เมื่อประเทศจีนได้ประกาศแผนการที่จะพัฒนาชิปส่วนต่อประสานระหว่างสมองและคอมพิวเตอร์ของตนเองเช่นกัน โดยวางตำแหน่งตัวเองเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Neuralink ของอีลอน มักส์

หลังจาก Neuralink ประกาศการปลูกฝังชิปสมองมนุษย์ครั้งแรก ประเทศจีนก็ได้ประกาศความตั้งใจที่จะส่งมอบเทคโนโลยีที่คล้ายกันภายในปี 2568 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของจีนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี

การประกาศของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ เน้นย้ำถึงศักยภาพของการแข่งขันด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ ส่วนต่อประสานคอมพิวเตอร์สมอง ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมอุปกรณ์และแอปพลิเคชันทางความคิดได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพ และอาจปฏิวัติวงการสาขาต่างๆ

เช่น การขับขี่ยานยนต์อัตโนมัติ ความเป็นจริงเสมือน และการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ รวมถึงจะมีเรื่องกฎระเบียบใหม่ๆ ตามมาทั้งด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และผลกระทบทางจริยธรรมจากการเชื่อมเทคโนโลยีเข้ากับร่างกายมนุษย์

เมื่อมองไปในอนาคต ความก้าวหน้าจากส่วนต่อประสานคอมพิวเตอร์สมอง หากทำได้สำเร็จ ก็อาจนำไปสู่อนาคตของเครือข่ายใหม่ อย่างแนวคิดที่เรียกว่า “เน็ตสมอง” (BrainNet) นั่นคือ สังคมทั้งสังคมเคลื่อนย้ายจากการเชื่อมกันบนโลกอินเทอร์เน็ต ไปเชื่อมโยงกันผ่านเน็ตสมอง ซึ่งมนุษย์สามารถสื่อสารโดยตรงระหว่างสมองมนุษย์กับสมองมนุษย์ก็อาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้

การเกิดขึ้นของเน็ตสมองในอนาคต คงทำให้โครงสร้างทางสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะการสื่อสารจะก้าวข้ามสื่อทางวาจาและลายลักษณ์อักษร ทำให้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อพลวัตทางสังคม การศึกษา และแม้กระทั่งการปกครอง

เพราะเราอาจมีกฎหมายที่ห้ามไม่ให้ผู้คนพูด เขียน หรือสื่อสารในทางใดๆ ที่ผู้ปกครองมองว่าเป็นภัยต่อสังคมและความมั่นคงของประเทศได้ แต่คงจะยากที่จะห้ามคนไม่ให้คิดได้

ความก้าวหน้าของส่วนประสานคอมพิวเตอร์สมอง (BCI) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะก้าวไปในสู่เน็ตสมองในอนาคต การที่ประเทศมหาอำนาจเข้ามาลงทุนในเทคโนโลยีนี้ทำให้เกิดคำถามสำหรับอนาคตว่าสังคมไหนจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อควบคุมความคิดของมนุษย์ให้เป็นไปตามที่ผู้ปกครองต้องการ และสังคมไหนจะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์ไปสู่สังคมเสรี

 

ที่มา: bangkokbiznews

ติดต่อเรา Easetrack

Share to everyone