ระบบ IoT มีประโยชน์ต่อคลังสินค้าอย่างไร

 

ระบบ IoT คืออะไร?

ระบบ IoT สำหรับคลังสินค้าช่วยให้สามารถติดตามสินค้าหรือทรัพย์สินต่างๆได้ทันทีแบบ Real-time ทุกขั้นตอน ไม่ว่าเป็นตำแหน่งของสินค้า ข้อมูลการเคลื่อนย้ายสินค้าไปยังจุดต่างๆ สภาพของสินค้า บรรจุภัณฑ์ หรือการจัดส่ง การอัพเดทแบบทันทีและต่อเนื่องตลอดเวลาทำให้ มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดความเสียหายต่อตัวสินค้า และทำให้การบริหารจัดการสินค้าทำได้ดียิ่งขึ้น ลดเวลาในการหาและเบิกจ่ายสินค้าจากตำแหน่งต่างๆได้ มั่นใจได้ว่าสินค้าจะไม่หลุดจกขั้นตอนการทำงานอย่างแน่นอน นอกจากนี้ระบบ IT ยังสามารถใช้ติดตามตำแหน่งของพนักงานคลังสินค้าได้อีกด้วย ทำให้เห็นว่าพนักงานคนดังกล่าวอยู่ที่ตำแหน่งใด และสามารถบริหารการเบิกจ่ายสินค้าได้อย่างถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในระบบบริหารจัดการคลัง

 

การใช้งานระบบ IoT ร่วมกับระบบ WMS

ระบบ WMS (Warehouse Management System) เป็นระบบคลังสินค้าออนไลน์ ที่ใช้ในการจัดการคลังสินค้า โดยระบบ WMS จะช่วยให้การจัดการคลังสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การรับสินค้าเข้าคลัง การจัดเก็บสินค้า การจัดส่งสินค้า และการบริหารจัดการทั้งหมดในคลังสินค้า

เมื่อนำระบบ IoT มาใช้งานร่วมกับระบบคลังสินค้า WMS การจัดการคลังสินค้าก็จะเป็นไปอย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากอุปกรณ์ในคลังสินค้าสามารถเชื่อมต่อกับระบบ IoT และส่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะและตำแหน่งของสินค้าได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ระบบ IoT ยังช่วยให้การจัดการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว แม่นยำ และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

 

ประโยชน์หลักของ IoT ต่อคลังสินค้า:

  1. การติดตามและตรวจสอบสถานะของสินค้า: โดยใช้เซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT ที่ติดตั้งในคลังสินค้า เราสามารถตรวจสอบสถานะและตำแหน่งของสินค้าได้ในเวลาจริง ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทราบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าที่เก็บอยู่ในคลังได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นปริมาณคงเหลือ, ตำแหน่งที่อยู่, หรือสถานะการเคลื่อนที่ของสินค้าในเวลาจริง
  2. การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย: ระบบ IoT ช่วยให้เราสามารถตรวจจับและระบุปัญหาหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในคลังสินค้าได้อย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นการตรวจจับการรั่วซึม, การตรวจจับการโจมตีทางไฟฟ้าหรือการรบกวนระบบ, และป้องกันการสูญหายหรือการถูกขโมยของสินค้า ทำให้สามารถป้องกันความเสี่ยงและรักษาความปลอดภัยของคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การทำคลังสินค้าเชิงอัจฉริยะ: โดยใช้ข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เราสามารถพัฒนาคลังสินค้าให้กลายเป็นคลังสินค้าเชิงอัจฉริยะที่สามารถทำงานอัตโนมัติและปรับปรุงตัวเองได้ อาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลในเวลาจริง เพื่อปรับปรุงกระบวนการการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตามการเรียนรู้และปรับปรุงของระบบ
  4. การประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: การใช้งานระบบ IoT ช่วยลดเวลาในการดำเนินการในคลังสินค้า เช่น การค้นหาสินค้า, การเก็บเสียงข้อมูล, และการจัดส่งสินค้า ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในด้านค่าแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
  5. การทำคลังสินค้าให้เชื่อมต่อและทันสมัย: ระบบ IoT ช่วยให้คลังสินค้าสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบการจัดการคลังสินค้า (WMS) หรือระบบบริหารจัดการความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (ERM) เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  6. การวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์: ระบบ IoT ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนไหวของสินค้าในคลังสินค้าได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ ทำให้สามารถทำนายความต้องการของลูกค้าในอนาคตและวางแผนการจัดส่งสินค้าล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง: การใช้ระบบ IoT ช่วยให้สามารถตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการการจัดส่งสินค้าในคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างเส้นทางการจัดส่งที่เหมาะสม, การเลือกใช้เครื่องจักรหรือรถขนส่งอย่างเหมาะสม, และการวิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการเชื่อมต่อระหว่างการจัดส่งเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า.
  8. การปรับปรุงตัวเองและการพัฒนาองค์กร: ระบบ IoT ช่วยให้สามารถรับข้อมูลจากคลังสินค้าและปรับปรุงกระบวนการการทำงานของคลังสินค้าและองค์กรในทุกๆ ด้าน ทำให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขอบคุณที่มา: cnetthailand

Share to everyone