ปี 2024 จะเป็นปีของโดรนขนส่งได้หรือไม่?

 

Easetrack จะพาทุกคนทำความรู้จักกับ โดรนขนส่ง ที่กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่ร้อนแรงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ หลายบริษัทเริ่มทดสอบและใช้งานโดรนเพื่อส่งสินค้า โดยคาดหวังว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว และลดต้นทุน

 

 

“การใช้โดรนในการขนส่ง: พลิกโฉมวงการขนส่งในปี 2024”

 

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปอย่างรวดเร็ว เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีการดำเนินงานและการประกอบการของหลายธุรกิจ การขนส่งและการจัดส่งสินค้าไม่ได้เป็นนั้นเป็นเว้นแต่ โดรนเริ่มเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการจัดส่งสินค้าในท้องถิ่นและทั่วโลก การใช้โดรนในการขนส่งกำลังเป็นเรื่องฮอตและสร้างความสนใจจากธุรกิจและผู้บริโภคทั่วโลก

 

ในปี 2024 การใช้โดรนในการขนส่งสินค้าจะเป็นไปได้หรือไม่? คำถามนี้กำลังเป็นกระแสหลักในวงการโลจิสติกส์และการค้าส่งสินค้า โดรนมีความสามารถในการลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ทำให้เกิดความสนใจมากขึ้นจากบริษัทใหญ่และเล็กทั่วโลก

 

แต่คำถามยังคงอยู่ว่าปี 2024 จะเป็นปีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับโดรนในการขนส่งสินค้าหรือไม่? บทความนี้จะสำรวจความเป็นไปได้ของการนำโดรนมาใช้ในการขนส่งสินค้าในปี 2024 และวิเคราะห์ความท้าทายที่อาจพบเจอ รวมถึงสิ่งที่ธุรกิจต้องพร้อมเพื่อตอบสนองแนวโน้มนี้ได้อย่างเหมาะสม

 

“ความสะดวกสบาย คือหนึ่งในจุดขายที่สำคัญที่สุดต่อสินค้าและบริการประเภทเทคโนโลยี” ดร.พอล มาร์สเดน นักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมผู้บริโภค และสมาชิกของสมาคมจิตวิทยาอังกฤษ (the British Psychological Society – BPS) กล่าว

 

“รายงานด้านธุรกิจบางฉบับชี้ว่า ผู้คนยอมจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 10% หรือมากกว่านั้น เพื่อแลกกับความสะดวกสบายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย”

 

ความรักในความสะดวกสบายของพวกเรา จะทำให้บริการนี้เติบโตต่อไปได้หรือไม่ ?

 

มันเริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างช้าๆ

 

เทคโนโลยีการนำโดรนมาใช้ในการขนส่งสินค้านี้เริ่มต้นขึ้นอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่ เจฟฟ์ เบซอส เจ้าของ Amazon.com นำเสนอแนวคิดนี้เป็นครั้งแรกของโลกในปี 2013 ในขณะนั้น ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอะแมซอนรายนี้ ได้เปิดตัว โดรนแบบออคโตคอปเตอร์ (Octocopter) ที่สำนักงานใหญ่ระดับโลกของบริษัท พร้อมให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ เขามองว่า การจัดส่งของด้วยโดรนจะแพร่หลายภายใน “4 หรือ 5 ปีข้างหน้า” ทว่า ผ่านมาแล้วหนึ่งทศวรรษ บริการดังกล่าวถือว่า เกิดขึ้นได้จริง แต่มันยังห่างไกลกับคำว่า ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

 

แมคคินซีย์ แอนด์ คอมพานี บริษัทให้คำปรึกษาด้านการจัดการ ระบุว่า มีผู้ให้บริการโดรนขนส่งสินค้ารายใหญ่มากกว่า 10 รายทั่วโลก และมีการจัดส่งพัสดุเชิงพาณิชย์ไปแล้วราว 874,000 ชิ้น ในปี 2022 จากข้อมูลดังกล่าว นั่นหมายความว่า มีการจัดส่งสินค้าด้วยโดรนทั่วโลกประมาณวันละ 2,395 เที่ยว ขณะที่การจัดส่งพัสดุทางบกจำนวนสูงถึง 273 ล้านชิ้นในทุก ๆ วัน ที่เกิดขึ้นปี 2020

 

 

อะไรคือ ปัจจัยที่ทำให้ความนิยมในโดรนขนส่งสินค้าเป็นไปอย่างล่าช้า

 

ประการแรก คือ การพัฒนาระบบอัตโนมัติเพื่อให้โดรนสามารถบินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยนั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูง

อุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่เข้มงวดซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานด้านการบิน

การยอมรับของสาธารณชนก็มีบทบาทเช่นกัน โดยพบว่า ข้อกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยได้ขับเคลื่อนการรณรงค์ต่อต้านการใช้โดรน งานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ซื้อสินค้าออนไลน์ มักปฏิเสธการใช้งานโดรนมากขึ้น

“มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมนุษย์ที่มักสงสัยเกี่ยวกับแนวความคิดใหม่ ๆ” ดร.มาร์สเดน กล่าว

“ในยุควิกตอเรีย ยังเกิดความตื่นตระหนกทางศีลธรรมและการแพทย์เกี่ยวกับการขี่จักรยานว่ามันจะทำให้คุณป่วย และทำให้ผู้หญิงมีลูกไม่ได้”

“เมื่อกระจกเงาบานแรกถูกสร้างขึ้น ผู้คนก็บอกว่าอาการหลงตัวเองจะเพิ่มขึ้น และตอนนี้ คุณก็มีสื่อสังคมออนไลน์ที่เลียนแบบผลสะท้อนของกระจกเงา”

เขาเชื่อว่า สิ่งที่ทำให้ผู้คนกังวลมากที่สุดการใช้บริการส่งของด้วยโดรน จะทำให้ต้องพึ่งพาระบบอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น และทำให้เครื่องจักรเข้ามาทำงานแทนที่คนมากขึ้นด้วย

“โดรนกำลังถูกนำมาใช้ในช่วงที่มีกระแสการตอบโต้ต่อการใช้เทคโนโลยีมากเกินไปในชีวิตของเรา โดยเฉพาะในกลุ่มคนบางกลุ่ม”

 

 

เป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ป่า ?

สำหรับคำถามนี้ หากมองด้วยความกลัวของเหล่า “เทคโน-ดิสโทเปีย” หรือ ผู้มองเทคโนโลยีคือตัวร้าย ก็อาจมีความเป็นไปได้

“ยกตัวอย่างเช่น แม้ว่าเสียงของโดรนจะไม่ดังกว่าการจราจรปกติ แต่ผลศึกษาชี้ว่าเสียงหึ่ง ๆ ของมันน่ารำคาญเป็นพิเศษ” ดร.มาร์สเดน อธิบาย

“หากเสียงหึ่ง ๆ ของยุงทำให้คุณตื่นได้ตลอดทั้งคืน ก็ลองคิดดูว่าเสียงของกองทัพโดรนจะทำให้การนอนของคุณเป็นอย่างไร”

ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้งหมดกำลังพยายามลดระดับเสียงของอุปกรณ์ต่าง ๆ ลง

แม้โดรนได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถช่วยลดการปล่อยสารประกอบคาร์บอนสู่ธรรมชาติ เมื่อเทียบกับการขนส่งโดยรถบรรทุก แต่ในส่วนผลกระทบต่อสัตว์ป่ายังมีงานศึกษาไม่มากนัก

สองปีที่แล้ว วิง (Wing) บริษัทลูกของ อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ กูเกิล ต้องระงับการจัดส่งของไปยังชานกรุงแคนเบอร์ราในประเทศออสเตรเลียตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านนกที่บริษัทว่าจ้าง พบว่า มีอีกาที่กำลังทำรังตัวหนึ่งได้บินโฉบโดรนขณะบินไปส่งกาแฟ

 

 

จัดส่งสิ่งของเพื่อช่วยชีวิต

อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้เพียงเพื่อการช้อปปิ้งเท่านั้น

จากข้อมูลของกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ระบุว่า มี 18 ประเทศที่ได้พัฒนาการจัดส่งโดรนเพื่อการขนส่งในช่วงการระบาดของโรคโควิด – 19 โดยสิ่งของที่จัดส่ง ได้แก่ พัสดุตัวอย่างทางการแพทย์, ยาและเวชภัณฑ์ และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน เป็นต้น เพื่อจัดส่งไปให้โรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงบ้านเรือนในช่วงล็อกดาวน์

ย้อนไปเมื่อปี 2019 โดรนยังถูกใช้จัดส่งไตที่ได้รับการบริจาคไปยังผู้ป่วยในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก

รวันดา ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเนินเขานับพันและถนนที่คดเคี้ยว ยังเป็นที่แรกในโลกที่ยอมรับการจัดส่งเชิงพาณิชย์ด้วยโดรน โดยบริษัท ซิปไลน์บินจัดส่งเลือดที่นั่นในปี 2016

ทางบริษัทประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า โดรนของพวกเขาจะจัดส่งของในพื้นที่ห่างไกลและพื้นที่ชนบทในประเทศกานา ซึ่งช่วยให้เข้าถึงสถานที่ที่การบริการจัดส่งแบบเดิม ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทาย

 

 

นาซาและโดรน

ข้อมูลของ แมคคินซีย์ แสดงให้เห็นว่าการจัดส่งของโดยโดรนเชิงพาณิชย์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นเดือน ธ.ค. นี้ พัสดุมากกว่า 1 ล้านชิ้นจะถูกจัดส่งด้วยโดรนภายในปีนี้ ซึ่งถือว่า เป็นการทำลายสถิติอีกปี

การเติบโตนี้ขึ้นอยู่กับ “แอปพลิเคชันใหม่ ๆ มากมายที่เอื้อให้จัดส่งอาหาร ยา และสินค้าต่าง ๆ ไปยังผู้บริโภคทั่วโลก”

 

แอมะซอนประกาศเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาว่า จะเปิดตัวโดรนจัดส่งของในประเทศอิตาลี สหราชอาณาจักร และ แห่งที่ 3 ในสหรัฐอเมริกา (รองจาก แคลิฟอร์เนีย และ เท็กซัส) ในช่วงปลายปี 2024

ทางซิปไลน์กำลังวางแผนที่จะก้าวไปอีกขั้นด้วยการใช้โดรนไร้ผู้สังเกตการณ์ภาคพื้นดิน ตลอดเส้นทางการจัดส่ง

ในขณะเดียวกัน ทางนาซาจับมือกับบริษัท 2 แห่ง คือ เอลรอย แอร์ และ รีไลเอเบิล โรโบติคส์ เพื่อพัฒนาต้นแบบการจัดส่งสินค้าในรูปแบบการเคลื่อนย้ายทางอากาศขั้นสูง หรือ Advanced Air Mobility

โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้โดรนจัดส่งพัสดุขนาดเล็กและเครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่สามารถทำงานร่วมกันได้ เพื่อจัดหาวิธีการเคลื่อนย้ายพัสดุที่ “รวดเร็วและเรียบร้อยมากขึ้น”

 

สิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับโดรนจัดส่งของ

แล้วพวกเราควรเตรียมตัวเพื่อรับมือกับโดรนจัดส่งของให้มากขึ้นอย่างไร ?

ดร. มาร์สเดน แนะนำว่า พวกเราควรหาความรู้ด้วยตัวเอง

“ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องลบภาพโฆษณาที่เกินจริงออกไป และเรียนรู้เท่าทันเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อจะได้ตัดสินใจจากหลักฐาน ไม่ว่าเราจะใช้งานหรือไม่ก็ตาม”

“เมื่อคุณซื้อสินค้า คุณกำลังมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มันช่วยคลายความเหงาและช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น”

“การมองออกไปรอบ ๆ ในร้านค้าหรือลองทำสิ่งต่าง ๆ ในห้างสรรพสินค้าเป็นการบำบัดอย่างหนึ่ง มันทำให้คุณออกจากกิจวัตรประจำวัน และทำให้คุณได้จดจ่ออยู่กับตัวเอง”

“แต่เมื่อคุณมีโดรนจัดส่งของ จิตวิทยาจากการซื้อของดังกล่าวก็จะไร้ผล”

“อย่างไรก็ตาม หากมองอีกด้านหนึ่ง คุณประหยัดเวลาเดินทางไปซื้อของ และสามารถใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว หรือทำงานอดิเรกได้มากขึ้น”

“เมื่อเทคโนโลยีช่วยลดเวลาและความพยายามต่าง ๆ ลง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ เราก็มักถูกมันดึงดูดได้อย่างง่ายดาย นั่นแหละ คือ ธรรมชาติของมนุษย์”

 

ขอบคุณที่มา: bbc.com 

 

Share to everyone