Gartner เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีปี 2024 ที่ต้องรู้

Gartner เผย 10 เทรนด์เทคโนโลยีปี 2024 ที่ต้องรู้

 

Gartner เผย 10 แนวโน้มเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อกิจการภาครัฐในปี 2024 เป็นแนวทางให้ผู้นำองค์กรภาคสาธารณะเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่าน และเตรียมพร้อมไปสู่รัฐบาลหลังยุคดิจิทัล (Post-Digital Government) และมุ่งที่เป้าหมายของภารกิจทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง มีอะไรใหม่ มีอะไรน่าสนใจ Easetrack จะพาไปดู

 

 

ทำไมธุรกิจต้องสนใจเทรนด์เทคโนโลยี

 

เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ทั้ง 10 ข้อของปีนี้เน้นย้ำถึงแนวโน้มที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและโอกาสที่สำคัญสำหรับ CIO และผู้นำด้านไอทีอื่น ๆ ภายใน 36 เดือน หรือ 3 ปี ต่อจากนี้

 

Bart Willemsen รองประธานนักวิเคราะห์ของ Gartner กล่าวว่า เมื่อเกิดการหยุดชะงักทางเทคโนโลยีและมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม สิ่งสำคัญ คือ การเตรียมพร้อมและดำเนินการด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งผู้นำด้านไอทีอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ เพราะมีโอกาสในการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ธุรกิจของพวกเขาประสบความสำเร็จท่ามกลางความไม่แน่นอนและความท้าทายเหล่านี้

 

นอกจากนี้ Chris Howard รองประธานนักวิเคราะห์และหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Gartner ยังกล่าวเสริมว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้นำและผู้บริหารคนจำเป็นต้องพิจารณาแนวโน้มที่ว่า เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะส่งผลต่อบริษัทอย่างไรบ้าง

 

เช่น generative AI และ AI ประเภทอื่น ๆ ที่แม้ว่าจะสร้างประโยชน์มากมายให้ธุรกิจ แต่ก็ควรใช้อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงทั้งข้อดีและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากมัน

 

 

10 เทรนด์เทคโนโลยีปี 2024

 

1. Democratized Generative AI

ทุกคนจะเข้าถึง AI ได้มากขึ้น เพราะ Generative AI จะถูกพัฒนาให้มีความก้าวหน้าด้วย Model ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากข้อมูลมากมาย, การประมวลผลแบบคลาวด์, และ Open source หรือซอร์ฟแวร์ที่ให้บริการฟรี และเปิดให้ทุกคนใช้และแก้ไขได้

Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 ธุรกิจจะหันมาใช้งาน GenAI มากกว่า 80% เทียบกับยอดการใช้งานเมื่อต้นปี 2023 ที่มีผู้ใช้งานน้อยกว่า 5% ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงข้อมูลมากมายจากทั้งภายในและภายนอกบริษัทได้ และด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ AI จะช่วยให้การพูดคุยและให้ข้อมูลอยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย

 

2. AI TRiSM : AI Trust, Risk and Security Management

ผู้คนเข้าถึง AI ได้ในวงกว้าง ยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง และความปลอดภัยของ AI (AI TRiSM) เป็นเรื่องสำคัญ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 องค์กรต่างๆ จะใช้มาตรฐาน AI TRiSM กับเทคโนโลยี AI เพื่อเป็นกฎเกณฑ์ในการใช้ AI อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ

ทำให้ AI สามรถตัดสินใจได้ฉลาดขึ้น และกำจัดข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไป ซึ่งกำจัดออกไปได้ถึง 80% เนื่องจากมี ModelOps (ชุดกฎเกณฑ์ที่กำหนดการใช้งาน AI), การปกป้องข้อมูลเชิงรุก, AI-Specific Security (มาตรการรักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาสำหรับระบบ AI), การตรวจสอบโมเดล AI, และการควบคุมความเสี่ยงสำหรับอินพุตและเอาต์พุตไปยังโมเดลและแอปพลิเคชันของบริษัทอื่น

ถือเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญมาก เพราะหากไม่มีกฎเกณฑ์และการป้องกันเหล่านี้ ระบบ AI อาจก่อปัญหาที่เกินการควบคุม จนข้อเสียเหล่านี้ไปบดบังประโยชน์ที่แท้จริงของ AI

 

3. AI-Augmented Development

การใช้เทคโนโลยี AI เพื่อช่วยวิศวกรซอฟต์แวร์ในการออกแบบ การเขียนโค้ด และการทดสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งวิศวกรที่ได้ความช่วยเหลือจาก AI ก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ทีมจัดการกับความต้องการซอฟต์แวร์ทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นได้

โดยเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI เหล่านี้ช่วยลดเวลาที่ใช้ในการเขียนโค้ด ช่วยให้นักพัฒนามุ่งเน้นไปที่การสร้างแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่สำคัญกว่า

 

4. Intelligent Applications

Gartner ให้คำจำกัดความไว้ว่า เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวได้ด้วยตัวเอง เพื่อการตอบสนองอย่างถูกต้องโดยไม่ต้องอาศัยคำแนะนำจากมนุษย์ ซึ่งเทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบอัตโนมัติได้ดียิ่งขึ้น

ความฉลาดของมันเกิดจากการใช้งาน AI เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง การเก็บเวกเตอร์ และข้อมูลที่เชื่อมต่อ ซึ่งจากการสำรวจ CEO และผู้บริหารธุรกิจอาวุโสของ Gartner ในปี 2023 กว่า 26% เผยว่า การขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถคือความเสียหายมากที่สุดสำหรับองค์กร ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า AI จะมีผลกระทบมากที่สุดต่ออุตสาหกรรมของพวกเขาในอีกสามปีข้างหน้า

 

5. Augmented-Connected Workforce (ACWF)

หนึ่งในกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มมูลค่าแรงงานคนให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากธุรกิจต้องการพัฒนาให้พนักงานมีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง ACWF ใช้ Intelligent Applications ร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลของพนักงาน เพื่อให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขาในการพัฒนาทักษะของตนเอง

คาดว่าจนถึงปี 2027 Chief Information Officer (CIO) ประมาณ 25% จะใช้งาน Augmented-Connected Workforce เพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีทักษะการทำงานที่ดีขึ้น โดยใช้เวลาน้อยลง

 

6. Continuous Threat Exposure Management (CTEM)

การจัดการความเสี่ยงจากความเสียหายต่อเนื่อง หรือ (CTEM) เป็นแนวทางที่ช่วยให้องค์กรประเมินและจัดการการเข้าถึง การเปิดเผย และการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่จับต้องได้และแบบดิจิทัลได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ด้วยการจัดการประเมินให้สอดคล้องกับภัยคุกคามหรือโครงการทางธุรกิจ CTEM ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นช่องโหว่เท่านั้น แต่รวมถึงภัยคุกคามที่ไม่สามารถแก้ไขได้อีกด้วย ภายในปี 2026 องค์กรที่ให้ความสำคัญกับ CTEM คาดว่าจะลดความเสียหายจากการละเมิดได้ถึงสองในสาม

 

7. Machine Customers (Custobots)

Machine Customers (Custobots) ลูกค้าที่ไม่ใช่มนุษย์ มีความสามารถในการเจรจา ซื้อสินค้าและบริการได้โดยอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าการเติบโตของ Custobots จะสร้างรายได้หลายล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ซึ่งอาจแซงหน้า  E-commerce ได้

8. Sustainable Technology

Sustainable Technology หรือเทคโนโลยีที่ยั่งยืนเกี่ยวข้องกับการใช้ Digital solution เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลหรือ ESG เนื่องจากมีความกังวลในการใช้เทคโนโลยีอย่าง AI, cryptocurrency, IoT และการทำงานผ่านระบบ cloud ในด้านพลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการทำให้การใช้งานในด้าน IT มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้นกลายเป็นเรื่องสำคัญที่น่าจับตามองต่อไป

9. Platform Engineering

Platform Engineering หรือการพัฒนา Internal Platform Product ให้ตอบโจทย์การใช้งานแบบ self- service เพื่อแก้ปัญหาในการทำงานของ Developer เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม และเร่งสปีดความสามารถในการเพิ่ม value ทางธุรกิจ

 

10. Industry Cloud Platforms (ICPs)

Industry Cloud Platforms (ICPs) หรือการใช้เทคโนโลยี cloud ในอุตสาหกรรม ภายในปี 2027 องค์กรมากกว่า 70% ถูกคาดหวังให้ใช้เทคโนโลยี cloud ในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการเติบโตขององค์กร ในปี 2023 ICP จัดการกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโดยการรวมบริการ SaaS, PaaS และ IaaS เข้าด้วยกัน และในอนาคต ICP จะสามารถปรับแต่งระบบ cloud ให้เหมาะสมกับธุรกิจที่แตกต่างกันได้

 

ที่มา: Gartner

Share to everyone